คู่มือการจัดการเว็บไซต์
การใช้เครื่องมือ Elementor
Elementor จะเป็นเครื่องมือหลักในการใช้ปรับแต่งหน้าเว็บ โดยใช้ในการ Edit หน้าต่างๆ หรือ การสร้าง Template Blog , Product
Home : จะเป็นหน้ารวม Dashboard แสดงข้อมูลของ Elementor เช่น Guide ในการใช้ Elementor หรือ Help Center , Youtube , Facebook Community , Blog
Settings : ตั้งค่า Elementor
Integrations : ส่วนขยายเพิ่มเติม หรือ Add on ของ Elementor เช่น reCAPTCHA , Google Maps Embed API
Custom Fonts : เพิ่ม Font โดยการ คลิก Add new > ทำการใส่ชื่อ Font (Enter Font Family) > Add Static (คือการเพิ่ม Font ที่มีความหนาแค่ขนาดเดียว) / Add Variable Font(คือการเพิ่ม Font ที่มีความหนาหลายขนาด)
Custom Icon : เพิ่ม Icon โดยการคลิก Add new > ทำการใส่ชื่อ Icon(Enter Icon Set Name) > Click Here to browse(File Type Fontello,Icomoon or Fontastic .zip file)
Role Manager : ตั้งค่าสิทธิ์ การใช้งานของแต่ละ User
Element Manager : การจัดการ Widget ของ Elementor สามารถเปิดหรือปิดได้โดยหัวข้อ Status และ สามารถตรวจสอบได้ว่าใช้ widget นี้อยู่ในหน้าในบ้าง
Tools : เครื่องมือเพิ่มเติม
Version Control : หาก Version Elementor มีปัญหาสามารถปรับแก้ไขย้อน Version ได้ในหัวข้อนี้
Maintenance Mode : เปิดโหมด Maintenance สำหรับการปรับปรุง Website และสามารถตั้งค่าได้ว่าใครสามารถเข้าเว็บได้
Add-ons : Add on เพิ่มเติมสำหรับ Elementor เช่น Widget การตกแต่ง หรือ ปรับแต่งหน้าเพิ่มเติม , Activity Log
Template Elementor
Template Elementor เป็น Template เพิ่มเติมจากการ Edit หน้า เช่น Header , Footer , Popup , Product Template
ใน Template สามารถสร้าง Template ได้หลายรูปแบบ โดยเมื่อทำการสร้าง Template แล้ว Template ที่สร้างไม่ว่าจะนำไปใช้งานหน้าไหน ก็จะเป็นรูปแบบเดียวกัน ยกตัวอย่าง Header (กรนณี ในการใช้ Template คือ ต้องการสร้าง Template รูปแบบเดียวและนำไปใช้ในหลายๆหน้า โดยสามารถแก้ไขได้ในที่เดียว)
การ Edit with Elementor
เมื่อทำการเลือก หัวข้อ Edit with Elementor จะเข้าสู่หน้าการ Edit Page ในหน้านี้สามารถปรับแต่งหน้าได้ตามที่ต้องการโดยเลือกใช้ Widget ด้านซ้าย
Layout : ก่อนจะดำเนินการใส่ Widget จะต้องทำการเลือก Layout ของ Section ก่อน
Basic : เป็นส่วนของ Widget Basic ทั่วไป เช่น Heading , Image
จัดการหน้า
การจัดการหน้า สามารถทำได้ในหัวข้อ ” หน้า “
สามารถตรวจสอบหน้า ได้โดยเลือกหัวข้อ ” หน้าทั้งหมด “
สามารถเพิ่มหน้าได้โดยหัวข้อ ” เพิ่มหน้าใหม่ ” / ทำการใส่ชื่อหน้า และ คลิกปุ่ม Edit with elementor เพื่อทำการปรับแต่งหน้า
หากต้องการปรับแต่งหน้าที่มีอยู่แล้วสามารถเลือกหน้าปรับแต่งได้ที่หน้าทั้งหมด โดยเลือก Edit with elementor
การ Edit with Elementor
เมื่อทำการเลือก หัวข้อ Edit with Elementor จะเข้าสู่หน้าการ Edit Page ในหน้านี้สามารถปรับแต่งหน้าได้ตามที่ต้องการโดยเลือกใช้ Widget ด้านซ้าย
Layout : ก่อนจะดำเนินการใส่ Widget จะต้องทำการเลือก Layout ของ Section ก่อน
Basic : เป็นส่วนของ Widget Basic ทั่วไป เช่น Heading , Image
จัดการเรื่อง / บทความ
การจัดการเรื่องหรือบทความ สามารถทำได้ในหัวข้อ ” เรื่อง “
สามารถตรวจสอบเรื่องหรือบทความ ได้โดยเลือกหัวข้อ ” เรื่องทั้งหมด “
สามารถเพิ่มบทความได้โดยหัวข้อ ” เพิ่มเรื่องใหม่ ” เมื่อทำการเพิ่มเรื่องใหม่จะสามารถปรับ แต่งได้โดย 2 วิธี
1. Edit โดยใช้ Widget ของ WordPress เอง
เมื่อทำการเลือกปุ่ม + แล้ว คลิกดูทั้งหมด Widget ทั้งหมดจะปรากฏด้านซ้าย สามารถเลือกใช้ Widget ต่างๆในการปรับแต่ง บทความได้
2. Edit with Elementor หากต้องการปรับแต่งโดย Elementor สามารถคลิกปุ่ม Edit with Elementor ซ้ายบนได้
เมื่อคลิก Edit with Elementor แล้ว สามารถเลือกใช้ Widget ด้านซ้ายมือเพื่อทำการปรับแต่งบทความได้
*การแยกบทความของ Nex7r และ Suunto จะใช้การแยกโดยกำหนดป้ายกำกับให้กับบทความ หากไม่กำหนดบทความจะไม่แสดงบนหน้าเว็บไซต์
จัดการสินค้า & เพิ่มสินค้า
การจัดการสินค้า หรือ เพิ่มสินค้า สามารถทำได้ในหัวข้อ ” สินค้า “
สามารถตรวจสอบ หรือ จัดการสินค้าที่อยู่บน Website ได้โดยเลือกหัวข้อ ” สินค้าทั้งหมด “
ในหน้าสินค้าทั้งหมด สามารถตรวจสอบสินค้า เพิ่มสินค้า หรือ นำเข้าสินค้า และ นำออก
หากต้องการเพิ่มสินค้าให้เลือกหัวข้อ ” เพิ่ม “
ในหน้าเพิ่มสินค้า สามารถใส่ข้อมูลสินค้า และ เลือกหมวดหมู่ ตั้งราคา
จัดการออเดอร์
จัดการออเดอร์ สามารถทำได้ในหัวข้อ ” Woocommerce > คำสั่งซื้อ “
สามารถตรวจสอบ หรือ จัดการออเดอร์ทั้งหมดโดยรวมได้จากหน้านี้
สามารถปรับแก้ไขข้อมูลออเดอร์ หรือ ปรับสถานะออเดอร์ได้ในหน้านี้
จัดการเลขพัสดุ / ขนส่ง
จัดการเลขพัสดุ / ขนส่ง สามารถทำได้ในหัวข้อ ” Shipop > เลือกขนส่ง “
เมื่อทำการเลือกหัวข้อ ” เลือกขนส่ง ” ในหน้าสามารถจัดการออเดอร์ที่ต้องการจัดส่ง โดย เลือกออเดอร์ที่ต้องการจัด และ คลิก ” เลือกขนส่ง ”
จัดการลงทะเบียนรับประกัน หรือ ตรวจสอบการลงทะเบียน
จัดการลงทะเบียนรับประกัน หรือ ตรวจสอบการลงเบียน สามารถทำได้ในหัวข้อ ” Fluent Forms Pro > Forms “
เลือกหัวข้อด้านล่าง Form ที่ต้องการ
Edit : จัดการหรือปรับแต่ง Form
Setting : ตั้งค่า Form
Entries : Form ที่ลูกค้าดำเนินการกรอกเข้ามา
Preview : พรีวิวรูปแบบของ Form
Duplicate : คัดลอก Form
Export : ส่งออก Form
Find : ค้นหาว่าฟอร์มถูกใช้งานอยู่ในหน้าไหน
หัวข้อ Entries จะเป็นการตรวจสอบ Form ที่ลูกค้ากรอกเข้ามา
หากต้องการปรับแก้ไขข้อมูล หรือ ตรวจสอบข้อมูลสามารถทำได้ โดยหัวข้อ Actions และ คลิก Icon รูปดวงตา
ในหน้านี้สามารถตรวจสอบข้อมูล และ ทำการแก้ไขข้อมูลของลูกค้าได้
เมื่อทำการคลิกปุ่ม Edit สามารถทำการแก้ไขข้อมูลของลูกค้าได้
หากต้องการ Export ข้อมูลลูกค้า สามารถทำได้ในหน้า Entries และ เลือกหัวข้อ Export > Export as CSV or Export as Excel (xlsv)
หากต้องการ Import ข้อมูลลูกค้า สามารถทำได้ในหน้า Entries และ เลือก จุดไข่ปลา มุมขวาของหน้า > Import
ในหัวข้อ Import ให้ทำการเลือก File Type เป็น CSV(.csv) เสมอ
การค้นหาข้อมูล
เลือกหัวข้อ Advanced Search
เลือกหัวข้อ Add > Inputs > เลือกหัวข้อที่ต้องการค้นหา เช่น names[ชื่อ / Name] (สามารถเลือกได้มากกว่า 1 หัวข้อ)
เมื่อทำการเลือกหัวข้อที่ต้องการค้นหาแล้ว ให้ทำการใส่ข้อมูลในช่อง Condition Value เมื่อใส่ข้อมูลแล้วทำการคลิกที่ปุ่ม Filter
การ Download Pdf
ทำการเลือกฟอร์มที่ต้องการตรวจสอบ หรือ ต้องการ Download Pdf
เมื่อเลือกฟอร์มแล้ว ให้หาหัวข้อ PDF Downloads > คลิก PDF ที่ต้องการ Downloads
จัดการลงทะเบียนซ่อม หรือ ตรวจสอบการลงทะซ่อม
จัดการลงทะเบียนซ่อม หรือ ตรวจสอบการลงทะซ่อม สามารถทำได้ในหัวข้อ ” Fluent Forms Pro > Forms “
เลือกหัวข้อด้านล่าง Form ที่ต้องการ
Edit : จัดการหรือปรับแต่ง Form
Setting : ตั้งค่า Form
Entries : Form ที่ลูกค้าดำเนินการกรอกเข้ามา
Preview : พรีวิวรูปแบบของ Form
Duplicate : คัดลอก Form
Export : ส่งออก Form
Find : ค้นหาว่าฟอร์มถูกใช้งานอยู่ในหน้าไหน
หัวข้อ Entries จะเป็นการตรวจสอบ Form ที่ลูกค้ากรอกเข้ามา
หากต้องการปรับแก้ไขข้อมูล หรือ ตรวจสอบข้อมูลสามารถทำได้ โดยหัวข้อ Actions และ คลิก Icon รูปดวงตา
ในหน้านี้สามารถตรวจสอบข้อมูล และ ทำการแก้ไขข้อมูลของลูกค้าได้
เมื่อทำการคลิกปุ่ม Edit สามารถทำการแก้ไขข้อมูลของลูกค้าได้
หากต้องการ Export ข้อมูลลูกค้า สามารถทำได้ในหน้า Entries และ เลือกหัวข้อ Export > Export as CSV or Export as Excel (xlsv)
หากต้องการ Import ข้อมูลลูกค้า สามารถทำได้ในหน้า Entries และ เลือก จุดไข่ปลา มุมขวาของหน้า > Import
ในหัวข้อ Import ให้ทำการเลือก File Type เป็น CSV(.csv) เสมอ
การค้นหาข้อมูล
เลือกหัวข้อ Advanced Search
เลือกหัวข้อ Add > Inputs > เลือกหัวข้อที่ต้องการค้นหา เช่น names[ชื่อ / Name] (สามารถเลือกได้มากกว่า 1 หัวข้อ)
เมื่อทำการเลือกหัวข้อที่ต้องการค้นหาแล้ว ให้ทำการใส่ข้อมูลในช่อง Condition Value เมื่อใส่ข้อมูลแล้วทำการคลิกที่ปุ่ม Filter
การเปลี่ยนสถานะ
เลือกหัวข้อ Change Status to > เลือกสถานะที่ต้องการเปลี่ยน
การส่ง Email แจ้งเตือนสถานะเปลี่ยน
เมื่อทำการเปลี่ยนสถานะเรียบร้อยแล้ว ทำการเลือก Resend Email Notification
ให้ทำการเลือก Template Email ที่ต้องการส่งให้ลูกค้า หัวข้อ Select Notification
เมื่อทำการเลือก Template Email แล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม Resend this notification เพื่อดำเนินกการส่ง Email
การตั้งค่า Template Email Notification
ทำการเลือกหัวข้อ Settings & Integrations > Email Notifications
เมื่อทำการเลือกหัวข้อ Email Notifications แล้ว หากต้องการเพิ่ม Template Email ให้ทำการเลือก + Add Notification
เมื่อทำการเลือกหัวข้อ + Add Notification แล้ว ในหน้านี้สามารถตั้งค่า Template Email
Name : ชื่อของ Template เช่น Template อัพเดทสถานะสินค้า
Send To : เป็นการเลือกว่าจะส่ง Email นี้ให้ใคร ในหัวข้อนี้ให้เลือก Select a Field > Send to Field = อีเมล / E-mail
Subject : หัวข้อของ E-mal
Email Body : เนื้อหาของ Email ในส่วนนี้สามารถดึงข้อมูลต่างๆใน Form มาลงใน Email ได้ โดยเลือกหัวข้อ Add Shortcodes
หากต้องการให้ E-mail ส่ง PDF ให้ลูกค้าให้ทำการเลือก หัวข้อ PDF Attachments > และเลือก Template Pdf ที่ต้องการแนบใน Email
การ Download Pdf
ทำการเลือกฟอร์มที่ต้องการตรวจสอบ หรือ ต้องการ Download Pdf
เมื่อเลือกฟอร์มแล้ว ให้หาหัวข้อ PDF Downloads > คลิก PDF ที่ต้องการ Downloads
การตั้งค่า PDF หรือ ปรับแต่ง Template PDF
ทำการเลือกหัวข้อ Settings & Integrations > PDF Feeds
เมื่อทำการเลือกหัวข้อ PDF Feeds แล้ว หากต้องการเพิ่ม Template PDF ให้ทำการเลือก + Add PDF Feed
เมื่อทำการเลือกหัวข้อ + Add PDF Feed แล้ว ในหน้านี้สามารถตั้งค่า Template PDF
Feed Title : ชื่อ PDF เช่น PDF หลักฐานการส่งซ่อม
Header Content : ข้อมูลส่วนหัวกระดาษ สามารถใส่เป็น Logo หรือ ข้อมูลที่ต้องการไว้ ส่วนหัวของ PDF ได้ ในส่วนนี้สามารถดึงข้อมูลต่างๆใน Form มาลงใน PDF ได้ โดยเลือกหัวข้อ Add Shortcodes
PDF Body Content : ข้อมูลส่วนเนื้อหาของ PDF ในส่วนนี้สามารถดึงข้อมูลต่างๆใน Form มาลงใน PDF ได้ โดยเลือกหัวข้อ Add Shortcodes
Footer Content : ข้อมูลส่วนท้ายของ Pdf
Allow Download : เปิดการตั้งค่าให้สามารถ Download ได้